ด้วยวิวัฒนาการที่ทันสมัยอุปกรณ์การแพทย์ที่สะอาดปลอดเชื้อโรค และทำการรักษาโดยศัลยแพทย์สุรเชษฐ สถาวร ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม เป็นผู้ทำการรักษาท่านจึงมั่นใจได้ว่าอาการริดสีดวงของท่านจะมิใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป
ริดสีดวงแบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1
มีเส้นเลือดดำโป่งพองในทวารหนัก เวลาเบ่งถ่ายอุจจาระก็จะปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมาด้วย ถ้าท้องผูกจะปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมาด้วย ถ้าท้องผูกจะยิ่งปรากฏว่ามีเลือดออกมากยิ่งขึ้นเพราะ เกิดการเบ่งมากนั่นเอง
ระยะที่ 2
อาการเริ่มมีมากขึ้น หัวริดสีดวงทวารโตมากขึ้น เริ่มโผล่ออกมาพ้นทวารหนักแล้วพอควร เวลาเบ่งอุจจาระก็จะออกมาให้เห็นมากขึ้น แต่เวลาถ่ายอุจจาระเสร็จแล้วก็จะหดกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้เอง
ระยะที่ 3
เริ่มมีอาการุนแรงมากยิ่งขึ้นระยะเวลานี้ เวลาถ่ายอุจจาระหัวริดสีดวงทวารจะโผล่ออกมามากกว่าแต่ก่อนหรือเวลาจาม ไอ ยกสิ่งของหนักๆ ที่ความเกร็ง เบ่ง ในท้องเกิดขึ้นหัวริดสีดวงทวารจะออกมาข้างนอกทวารหนักที เดียว แล้วก็กลับเข้าที่เดิมไม่ได้เสียด้วยคราวนี้ จะต้องเอานิ้วมือดันๆ เข้าไปถึงจะเข้าไปเงียบสงบอยู่ภายในทวารหนักได้
ระยะที่ 4
คราวนี้หัวริดสีดวงจะกำเริบมาก โตมากขึ้นแล้ว มองเห็นได้จากภายนอกอย่างชัดเจน เกิดอาการบวม อักเสบ อาการแทรกซ้อนของริดสีดวงทวาร ริดสีดวงทวารนั้นเมื่อมาถึงระยะที่ 4 อาการก็รุนแรงมาก มีทั้งเลือดที่ออกมาเสมอ มิหนำซ้ำยังมีน้ำเหลือง เมือกลื่น และอุจจาระก็ยังตามออกมาอีกด้วย ทำให้เกิดความสกปรกและมีอาการเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลาทีเดียว คิดดูเถอะว่าจะมีความสกปรกสักเพียงใด เกิดอาการคันตามมาด้วย บางทีก็จะเกิดการเน่า อักเสบมากยิ่งขึ้นอีก การติดเชื้อโรคเป็นไปได้ง่าย และที่เห็นกันชัดๆ ก็ได้แก่ เมื่อเลือดออกมาไปเรื่อยๆ เช่นนี้อาการซีดก็จะเกิดมีขึ้นได้อย่างแน่นอน ผู้ป่วยจะเกิดโรคโลหิตจางขึ้นได้โดยง่าย ความอ่อนเพลียเกิดขึ้น น้ำหนักตัวลดลง เกิดอาการหน้ามืดเสมอ ริดสีดวงทวารอาจจะไม่มีอันตรายอะไรมากนัก แต่ก็ปั่นทอนสุขภาพผู้ป่วยไปได้มาก จำเป็นจะต้องให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยโรค เยียวยารักษาให้ดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยจริงๆ อย่าลืมว่าการเป็นริดสีดวงทวารนั้น โอกาสการเกิดมะเร็งในลำไส้ใหญ่และทวารหนักจะเป็นไปได้โดยง่าย และในบางครั้งผู้ป่วยอาจจะเป็นริดสีดวงทวารไปพร้อมกับมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งทวารหนักไปด้วยก็มีเช่นเดียวกัน ได้กล่าวมาแล้วว่า เมื่อเราท้องผูกก็เกิดการเบ่งอุจจาระมากเวลาถ่ายอุจจาระในแต่ละครั้ง จนในที่สุดก็เป็นริดสีดวงทวารขึ้นมาได้ หรือเกิดเรื้อรังเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือทวาร ก็ได้เช่นเดียวกัน ริดสีดวงทวารนั้น ส่วนมากจะไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด เมื่อเกิดเป็นขึ้นก็จะมีอาการคันๆ และระคายเคืองที่ทวารว่าเท่านั้นเอง หากเกิดอาการปวด อักเสบมากขึ้นก็หมายความว่าเกิดอาการแทรกซ้อนของโรคขึ้นแล้ว จะต้องรีบให้แพทย์ตรวจรักษาโดยเร็ว หรือถ้าโชคดีอาการนี้อาจจะหายไปได้
สาเหตุของโรค
เราอาจจำแนกสาเหตุที่สำคัญได้ดังนี้
1.เกิดจากท้องผูกเป็นประจำ มีส่วนที่ทำให้เกิดโรคมากกว่าสาเหตุอื่น ๆ
2.เกิดจากการดื่มสุรามากเกินไป
3.เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดร้อนจัดเกินไป
4.เกิดจากสตรีที่คลอดบุตรยาก
5.เกิดจากนั่งในที่ซึ่งมีความร้อนมาก
6.เกิดจากการถ่ายอุจจาระแล้วไม่ชำระล้างให้สะอาด
7.เกิดจากโรคบิดหรือโรคลำไส้ซึ่งถ่ายอุจจาระบ่อย ๆ ปวดใช้กำลังเบ่งมากเบ่งอยู่นาน เนื้องอกริดสีดวงทวารเกิดจากสาเหตุการดังกล่าวมาข้างต้นเพราะเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้ปลายเส้นโลหิตดำพองโตบวมช้ำ จึงก่อให้เกิดเป็นเนื้องอกขึ้น